เป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดศัลยกรรมความงามของประเทศเกาหลีนั้นเติบโตขึ้นมากเมื่อเทียบกับความหนาแน่นของประชากรในประเทศ เมื่อดูจากข้อมูลที่ออกโดย ISAPS (International Society of Aesthetic Plastic Surgery) ในปี 2013แล้ว พบว่าประเทศที่มีการทำศัลยกรรมความงามเยอะที่สุดคือ อันดับ 1 อเมริกา , 2 เม็กซิโก , 3 คือประเทศจีน ส่วนประเทศเกาหลีใต้นั้นอยู่ในอันดับที่ 7 และเป็นเพียงแค่ 4.4 % ของตลาดศัลยกรรมความงามทั่วโลกเท่านั้น
แต่ทว่าในปี 2015 ตลาดศัลยกรรมความงามในประเทศเกาหลีก็เติบโตขึ้นมากจนกลายเป็นอันดับ 1 ผ่านไปแค่เพียง 2 ปีตลาดก็เติบโตขยายใหญ่ขึ้นจนเป็น 1/3 ของตลาดศัลยกรรมความงามทั่วโลก
โดยขนาดความใหญ่นั้นมีมูลค่าอยู่ที่ 7.5 ล้านล้านวอน และ จำนวนการศัลยกรรมทั้งหมดนั้นคือ 980,000 ครั้ง
“พบว่าในบรรดาชาวต่างชาติที่มาทำศัลยกรรมที่เกาหลีใต้นั้นมีทั้งหมด 36,224 คน มีชาวจีนแล้วทั้งสิ้น 24,854 คนคิดเป็น
60 % ของชาวต่างชาติที่เดินทางมาทำศัลยกรรมความงาม”
จึงไม่น่าแปลกใจที่สาธารณรัฐเกาหลีใต้ จะถูกเรียกว่าสาธารณรัฐแห่งการศัลยกรรม เพราะว่าให้ความสำคัญแก่การศัลยกรรมเป็นอย่างมาก
คุณ Kim Sunha ได้แนะนำไว้ว่า “โรงพยาบาลที่เกาหลีเปิดขึ้นอย่างมากมายทุกปีจะมีโรงพยาบาลใหม่เพิ่มไม่ต่ำกว่า 100 แห่งหลักสำคัญของการศัลยกรรมควรคำนึงถึง ความปลอดภัย การเลือกโรงพยาบาลที่มีการรับรองที่เพียงพร้อม มีวิสัญญีแพทย์ประจำในห้องผ่าตัดไม่มีประวัติอุบัติเหตุในการผ่าตัด รวมถึงการเลือกทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทาง “
ตัวอย่างของการผ่าตัดที่สามารถที่มีปัญหา
-ผมทำศัลยกรรมที่คังนัม –
เมื่อย้อนเวลากลับไปตอน 2013 ผมได้ทำศัลยกรรมจมูกและตาก่อนเข้ามหาลัยที่คลีนิคคังนัมแห่งหนึ่ง แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนเข้าสู่ปีที่ 3 จมูกของผมก็เริ่มมีปัญหา เกิดผลข้างเคียงขึ้นเมื่อกระดูกอ่อนที่ใส่เข้าไปตอนศัลยกรรมนั้นเลื่อนลงมา และโผล่ออกมาเหมือนกับหัวสิว
ตอนแรกผมกลัวมาก แต่ก็พยายามคิดว่ามันคือหัวสิวธรรมดาๆ ที่ไม่ยอมหายไปสักทีเกือบสามเดือน และมันก็โผล่ขึ้นถึงสองจุด ผมเลยไปรับการฉีดยารักษาสิวด้วย และรับยามาทานด้วย แม้กระทั่งไปเข้ารับการกดสิวมาด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นก็เกิดรูเล็กๆขึ้นในจุดที่ผมไปรับการกดมา มีบางอย่างสีขาวๆในรูเล็กๆ นั่น จนทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่ามันคือกระดูกของผมที่โผล่ออกมา ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีเหตุการณ์ใดที่ทำให้ผมได้เห็นกระดูกของตัวเองชัดๆด้วยตาขนาดนี้ ทำให้ผมรู้สึกตกใจและช็อคมาก
หลังจากนั้นตอนที่ผมไปเข้ารับการผ่าตัดเผื่อนำกระดูกอ่อนออก ผมก็พยายามถามแบบทีเล่นทีจริงว่า “นี่*ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวมันจะเลื่อนไหลลงมาใช่ไหมครับ” และคนที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรมความงามก็ตอบกลับมาว่า ไม่ต้องกังวลหรอก ไม่มีอะไรและหัวเราะกลับมา พอได้ยินอย่างนั้นแล้วผมก็รู้สึกโล่งใจว่าต่อไปคงไม่มีอะไรไหลลงมาให้ต้องมาเอาออกแบบนี้อีกแล้ว ก็ทำให้ใจชื่นขึ้น แต่ทว่าในช่วงเวลา 2 ปีก่อนที่จะเอาซิลิโคนออกหมดนั้น …
*สิ่งนี้เรียกว่า “กระดูกอ่อนในโพรงจมูกมีปัญหา” ในแต่ละโรงพยาบาลนั้นก็จะมีความแตกต่างกัน ปกติจะตัดกระดูกและกระดูกอ่อนหลังหูบางส่วนออก โดยปกติแล้วจะมีคำที่ใช้บ่อยๆคือ “ถ้าจะเช็คคนที่ทำศัลยกรรมจมูกนั้น ก่อนอื่นควรเช็คหลังหูก่อน” *
ผมเข้าใจว่าเขามีความรู้จริงๆ…มีจริงๆซะอีก…
แต่ทว่าหลังจากนั้น 2 ปี มันก็เกิดขึ้นจริง สิ่งที่อยู่ในจมูกทั้งหมดมันค่อยๆไหลออกมา หลังจากที่เอากระดูกอ่อนอกไป ผมก็เริ่มกังวลกับจมูกมากขึ้นจนทำให้ติดเป็นนิสัยทุกๆวันว่าต้องแหงนดูปลายจมูกตลอดเวลา ก็เห็นว่ามีรอยขนาดใหญ่เท่ากับเหรียญ10วอนที่ปลายจมูกและเหมือนมีอะไรนูนๆออกมา ก็เลยทำให้ผมต้องเริ่มแต่งหน้าปกปิดรอยที่เกิดขึ้น
เพราะว่าผมอาศัยอยู่ต่างตังหวัดเลยทำให้ต้องรีบไปหาคลีนิคศัลยกรรมที่พอจะมีชื่อเสียงในระแวกหมู่บ้านโดยเร็วที่สุด เพื่อถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไร เป็นที่น่าตกใจเมื่อหมอนั้นวินิจฉัยว่า “ถ้าไม่รีบเอามันออกตั้งแต่ตอนนี้จะทำให้ไอ้เจ้าตัวที่ยื่นออกมานี้มันจะไหลลงเรื่อยๆ จนเป็นรูที่ใหญ่มากขึ้น”
จากนั้นผมก็เลยรีบหาโรงพยาบาลศัลยกรรมโดยด่วนและรีบนัดวันที่จะนำไอ่สิ่งที่กำลังยื่นออกมาออกไปให้เร็วที่สุด
สำหรับผลข้างเคียงของจมูกที่เกิดขึ้นถึงสองครั้งนั้น ผมก็ได้รับค่าใช้จ่ายในการรักษาจากโรงพยาบาลก็จริงแต่ว่าสำหรับคำพูดที่ว่า “พอตอนทำศัลยกรรมเสร็จก็ไม่เห็นมีอะไรเลย” แล้วก็ยังไม่มีท่าทีที่แม้แต่จะขอโทษหรือรู้สึกผิดด้วยซ้ำ แค่บอกว่า “จะศัลยกรรมแก้ให้ละกันนะ โอเค?” ด้วยท่าทีที่แสดงออกมาแบบนั้นจึงทำให้ผมรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
การทำศัลยกรรมที่ผิดพลาด จนเกิดผลข้างเคียงนั้นส่งผลให้ต้องทนทุกข์ทรมาน อับอายขนาดไหน ดังนั้นก่อนจะทำจะต้องคิดให้ดีก่อน ศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ
อย่าทำศัลยกรรมโดยที่ไม่คิดไต่ตรองให้ดีก่อน
เหตุผลแรกคือ การทำศัลยกรรมคือ “การผ่าตัด” ถึงจะมองว่ามันคือการทำให้สวยงามไม่ใช่การผ่าตัดที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็อย่าคิดว่ามันเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆเด็ดขาด
ใครบอกว่าการทำศัลยกรรมเป็นเรื่องจิ๊บๆกัน
แน่นอนว่าก่อนจะทำศัลยกรรม ต้องเช็คตั้งแต่ยาที่กินครั้งล่าสุด ความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด เป็นต้น เราต้องเช็คสภาพร่างกายตัวเองก่อน!! “อ่า จริงๆเลย ไม่เข้าใจสักนิด ใครกันที่บอกว่าการทำศัลยกรรมนั้นมันง่ายๆ”
ข้อที่สอง ถึงแม้การแพทย์สมัยใหม่จะก้าวหน้าขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วมันก็จะมีข้อจำกัดที่เกิดขึ้นอยู่ดี
ไม่รู้เลยว่าจะเกิดผลข้างเคียงขึ้นตอนไหน ถึงแม้เราจะยอมรับความก้าวหน้าของแพทย์สมัยใหม่ที่พัฒนามากขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีหลายๆคนที่ขณะกำลังเตรียมผ่าตัดก็ต้องร้องเรียกถึง “พระเจ้า” แล้วภาวนาให้ไม่เกิดผลข้างเคียงขึ้น
“เช่นเดียวกับหากไม่สามารถปรับความแรงของเลเซอร์ได้ก็อาจจะทำให้ผิวหน้าพังได้เหมือนกัน มันมาจากไหนกัน”
ข้อที่สามคือ ความโลภของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด
ทำตากับจมูกแล้วแต่มันยังไม่สมดุลกันก็ทำส่วนอื่นเพิ่มต่อ ถ้าหากไม่ถูกใจอีกก็ทำต่อ ทำวนไปไม่มีสิ้นสุดสักที อาจทำให้เกิดโรคเสพติดการศัลยกรรมก็ได้
จากบทความนี้คือเริ่มจากการที่ได้รับผลข้างเคียงจากการทำศํลยกรรมแล้วก็ขั้นตอนต่างๆ ร่วมไปถึงท่าทีและความไม่เอาใจใส่ของทางโรงพยาบาลที่มีต่อผลข้างเคียงของที่เกิดขึ้น และคลีนิคศัลกรรมเถื่อนที่เปิดตามอำเภอใจอาศัยช่องโหว่จากตลาดการศัลยกรรมของเกาหลีที่ขยายมากขึ้น
เพราะงั้นเลยหวังว่าทุกคนจะคิดอย่างรอบคอบก่อนจะตัดสินใจทำนะ…
จากรายการ SBS Special <ความจริงของศัลยกรรมเถื่อน – คำสารภาพของหมอทำศัลยกรรม>
เขียนโดย : STMstyle
รูปภาพจาก : https://1boon.kakao.com/misfits/cosmeticsurgery_1
ปรึกษาโทร: 02-7147663 , 02-7147665 Chat Now: www.fb.com/messages/t/STMstyle Line Official: http://line.me/ti/p/@stmstyle เว็บไซต์ www.stmstyle.com
#ศัลยกรรมเกาหลี #รีวิวศัลยกรรมเกาหลี #คนไทยในเกาหลี #ปรับรูปหน้า #โรงพยาบาลศัลยกรรมเกาหลี #เสริมจมูก #ศัลยกรรมตา #โรงพยาบาลเกาหลี #ศัลยกรรมพลิกชีวิต #ปรึกษา #ศัลยกรรม #ปรับรูปหน้า #ลดโหนกแก้ม #เหลากราม #คาง #ตาสองชั้น #เสริมจมูก #เที่ยวเกาหลี #LetMeInThailand #letmein #ศัลยกรรมผู้ชาย #ดูดไขมัน #ปรึกษาศัลยกรรม #หมอเกาหลี #โปรโมชั่น #โปรโมชั่นศัลยกรรมเกาหลี #ดาราเกาหลี #ศัลยกรรมตาผู้ชาย #ยกกระชับ #ฉีดไขมัน #แก้จมูก #stmstyle #ID #โรงพยาบาล345 #Inique #AB #banobagi #รีวิวเกาหลี #ดึงหน้า #เอเจนซี่เกาหลี #เที่ยวเกาหลี#เอเจนซี่ศัลยกรรม